สิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางราชการของประชาชน
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
มีขึ้นเพื่อรองรับ " สิทธิได้รู้" ( rights to know)
ของประชาชนซึ่งเป็นแกนสำคัญของสังคมประชาธิปไตย โดยอาจพิจารณาได้จากบทบาท 2
ด้านดังนี้
1. ในทางการเมือง
ระบบประชาธิปไตยเป็นระบบการปกครองของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อ
ประชาชนซึ่งปรัญญานี้จะสัมฤทธิผลเพียงใดขึ้นอยู่กับการให้บทบาทที่กว้างขวาง
แก่ประชาชนในการมีส่วนร่วมในการปกครอง (participatory democracy)
พื้นฐานเบื้องต้นที่ประชาชนจะใช้บทบาทของต้นให้ถูกต้องได้
นั้นคือประชาชนต้องมีความรู้ในความเป็นไปของการปกครอง
ว่าในขณะนี้การปกครองได้ดำเนินการในเรื่องใดไว้อย่างไร
เพื่อประชาชนจะได้ติดตามตรวจสอบ และใช้สิทธิใช้เสียงในการปกครองได้ถูกต้อง
ไม่ว่าจะเพื่อการวิพากษ์วิจารณ์ การออกความเห็นในการจัดประชาพิจารณ์
การประท้วงแสดงพลังความต้องการ ตลอดจนการใช้สิทธิเลือกตั้ง
2. ในการพิทักษ์สิทธิประโยชน์
องค์กรของรัฐและเจ้าหน้าที่ต่างๆ
ถูกสร้างเพื่อทำการแทนรัฐและประชาชนทั่วไป
เพื่อให้การปกครองเป็นไปโดยเรียบร้อย และถูกต้องตามกฎหมาย
องค์ของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงได้รับมอบหมายให้มีอำนาจหน้าที่หลากหลาย
ในการสัมพันธ์กับเอกชน โดยมีการออก "กฎระเบียบ" ต่างๆ ขึ้นใช้ในการปกครอง
และจะมีการออก " คำสั่งทางปกครอง"เมื่อต้องการบังคับการให้เกิดผลในกฎหมาย
ดังนั้นกฎ ระเบียบและคำสั่งทางปกครองต่างๆ
จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนทั่วไปควรได้รู้เพื่อที่จะพิเคราะห์ได้ว่ากรณีของตนผล
จะเป็นเช่นใด แตกต่างจากผู้อื่นอย่างไร
และโต้แย้งได้อย่างไรและเพียงใดอันการคุ้มครองสิทธิเฉพาะตัวประชาชนแต่ละคน
สิทธิของประชาชนหรือเอกชน พ.ร.บ. นี้ได้กำหนดสิทธิของประชาชนหรือเอกชนดังนี้
สิทธิ
ในการขอคำปรึกษาการปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้กับสำนักงานปลัดสำนักนายก
รัฐมนตรีในฐานะเป็นหน่วยงานทาง
วิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการและคณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ( มาตรา 6)
สิทธิ
เข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสารของราชการ
บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตามย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู
ขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารของราชการ ตามาตรา
9 ได้ คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใด
ให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง (มาตรา 9) " คนต่างด้าว" หมายความว่า
บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มี
ถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและนิติบุคคลดังต่อไปนี้ ( 1)
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว
ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าวเป็นผู้ถือ ( 2)
สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว ( 3)
สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว ( 4)
นิติบุคคลตาม ( 1) (2)(3)
หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว
นิติบุคคลตามวรรค 1 ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก
หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่นให้ถือว่าผู้จัดการหรือกรรมการหรือสมาชิกหรือเจ้า
ของทุน ดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว (มาตรา 4)
สิทธิ
ขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการนอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการที่ลงพิมพ์ใน
ราชกิจจานุเบกษาแล้ว หรือที่จัดไว้ให้ ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว
หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้าตามมาตรา 26 แล้ว
โดยคำขอนั้นได้ระบุข้อมูลข่าวสารที่
ต้องการในลักษณะที่อาจเข้าใจได้ตามสมควร (มาตรา 11)
สิทธิ
ที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับงานซึ่งหน่วยงานของรัฐจะ
ต้องให้กับบุคคลนั้นหรือผู้กระทำแทนได้ตรวจดูหรือได้รับสำเนาข้อมูลข่าวสาร
ส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลนั้น ( มาตรา 25
วรรค 1)
สิทธิ
ในการดำเนินการแทนผู้เยาว์คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ
หรือเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก่กรรม ตามมาตรา 23
เกี่ยวกับการขอข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลหรือการแจ้งข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไป
ยังที่ใดของบุคคลดังกล่าว มาตรา 24
เกี่ยวกับการให้ความยินยอมให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารส่วน
บุคคลของคนเปิดเผยข้อมูลต่อ หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นหรือผู้อื่น และมาตรา 25
เกี่ยวกับการได้รู้ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน การขอให้แก้ไข
เปลี่ยนแปลง หรือลงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง
รวมที้งมีสิทธิอุทธรณ์ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่ง
ไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารนี้ (มาตรา 25 วรรค 5)
สิทธิ
ในการร้องเรียนผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา
7 หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา 9
หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา 11 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตาม
พระราชบัญญัตินี้หรือปฎิบัติหน้าที่ล่าช้า
หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ผู้นี้นมีสิทธิร้องเรียน ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา
15 หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา 17
หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนเปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา 25
( มาตรา 13)
สิทธิ
ในการอุทธรณ์ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ใดตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15
หรือมีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านของผู้มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา 17
ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 15
วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งนั้น โดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ (มาตรา 18)
แต่ถ้าอุทธรณ์คำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรวจตามที่มี
คำขอ ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 30 วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการไม่ว่ากรณีใดๆให้เจ้า
ของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐหมายเหตุคำขอของคนแนบไว้กับข้อมูล
ข่าวสารส่วนที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น